เทคนิคท่องเว็บ/เล่นโซเชียล บนอินเตอร์เน็ต อย่างไรให้ห่างไกลจากไวรัส และมัลแวร์

คลิ๊กมั่ว เข้าเว็บไซต์ผิด ก็ติดไวรัส หรือมัลแวร์ได้แบบไม่รู้ตัว บัญชีโดนแฮก ขโมยเงินในธนาคาร, ขโมยข้อมูล, เรียกค่าไถ่, ฯลฯ มาเข้าใจธรรมชาติของมัน เพื่อนเรียนรู้วิธีป้องกัน และหลีกเลี่ยงไวรัส ได้ผลชงัด ตัดไฟแต่ต้นลม ดีที่สุด

ทุกวันนี้อินเตอร์เน็ตได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา ทั้งค้นหาข้อมูล ติดตามข่าวสาร ติดต่อเพื่อน แม้กระทั่งเผือกเรื่องชาวบ้าน แต่ในอินเตอร์เน็ตนี้ก็เต็มไปด้วยภัยอันตรายที่คอยคุกคามเรา จาก ไวรัส มัลแวร์ ทั้งหลาย ที่ซึ่งต่างก็พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง จนโปรแกรมแอนตี้ไวรัสต่างๆ ในยุคปัจจุบันไม่สามารถจัดการได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ในสมัยก่อน ไวรัส และมัลแวร์ ในคอมพิวเตอร์โดยส่วนใหญ่จะพุ่งเป้าไปที่การทำลายข้อมูลซะมากกว่า แต่ในปัจจุบันเมื่ออินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสาร ทั้งทางด้านส่วนตัว และในด้านธุรกิจ ทำให้เกิดข้อมูลสำคัญขึ้นมา โดยเฉพาะระบบการเงินในอินเตอร์เน็ต ทำให้ ไวรัส และมัลแวร์ ส่วนใหญ่ในปัจจุบันจึงพุ่งเป้าไปที่การขโมยข้อมูลสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะข้อมุลทางการเงิน และข้อมูลสำคัญส่วนตัวต่างๆที่เหล่ามิจฉาชีพสามารถนำไปใช้เพื่อหาประโยชน์เข้าตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็น เรียกค่าไถ่ข้อมูล, เอาข้อมูลทางการเงินของเราไปขายในตลาดมืด, ขโมยบัญชีที่ใช้งานอีเมล์/Social Network โดยเฉพาะ Facebook โดนกันถี่มากก, ฯลฯ ดังนั้นเรามาเข้าใจถึงลักษณะพฤติกรรมที่คล้ายๆกันในการแพร่กระจายไวรัส/มัลแวร์กัน เพื่อจะได้หาทางป้องกันตัวเองไว้ ดังคำกล่าว "รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง"

มุกยอดนิยมที่ใช้แพร่ไวรัส มาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และวิธีปฏิบัติ

1. อีเมล์ ข้อความ ที่ส่งหาเราไม่ว่าจะทางไหน จะ sms หรือ line เนื้อหาจะหลอกล่อเราด้วยส่วนลด/คูปองแจกเงินฟรี หรือ ชื่ออีเมล์น่าเชื่อถือ(แต่เป็นของปลอม) เช่นเมล์จากธนาคาร หรือแอพโซเชียลชื่อดัง ว่าจะโดนระงับ หักเงิน ฯลฯ พร้อมกับจะมีลิ้งค์ให้คลิ๊กเข้าไป เพื่อรับคูปอง หรือระงับการหักเงิน ไม่ว่าจะมาแบบไหน ห้าม!กดเข้าลิ้งค์ในนั้น โดยเด็ดขาด
   วิธีปฏิบัติ
   1.1 อย่าโลภ อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ และอย่าตกใจตื่นตัวเกินเหตุ ตั้งสติก่อน
   1.2 ให้ตรวจสอบอีเมล์โดยตรง ห้ามดูแต่ชื่อ เพราะสามารถตั้งเป็นอะไรก็ได้ โดยเทียบกับของจริงที่เคยส่งเข้า inbox เรามา หากไม่มี ให้เข้าเว็บหลักแล้วเข้าช่องทางติดต่อ จะมีอีเมล์จริงของเจ้าของระบุไว้อยู่ วิธีดู ให้ดูหลัง @ ไม่ต้องสนว่าหน้า @ จะเป็นอะไร เช่น ของจริง ....@accounts.google.com ตรงที่ขีดเส้นใต้ต้องจบแค่นี้ ถ้าเป็น ...@accounts.google.co.com แบบนี้ไม่ใช่ คือเว็บปลอม (ตัวหนาคือ ชื่อเว็บ หรือโดเมนหลัก ที่ขีดเส้นใต้คือ โดเมนรอง ซึ่งตรงนี้สามารถตั้งได้เองเป็นอะไรก็ได้)
   1.2 หากอยากให้แน่ใจ สามารถนำอีเมล์ต้องสงสัยนั้น ไปค้นหาใน google ได้ หากเป็นไวรัส ก็จะมีผลการค้นหาที่เกี่ยวกับไวรัสขึ้นมาให้เห็น เป็นการตอกย้ำว่า เมล์ปลอมล้าน %
   1.3 กดรายงานว่าเป็นเมล์ไวรัส ถ้าเป็น gmail ก็กดที่ สามจุดด้านขวาของเมล์ แล้วกดตัวเลือกตามกรอบสีแดงในรูปด้านล่างได้เลย หลังจากนี้ ชื่อเมล์นี้ก็จะไม่กลับมากวนใจเราอีกต่อไป
   
   
2. ลิ้งค์ไปเว็บ ทุกวันนี้ เพียงแค่คุณเข้าเว็บไซต์ที่คุณไม่รู้จัก และไม่เคยเห็นมาก่อน แพร่หลายเยอะมาก ใน Social Network ต่างๆ ทั้ง Facebook, Tweeter, Line, ฯลฯโดยจะใช้ลักษณะการพาดหัวข่าว ที่น่าติดตามเพื่อให้คุณคลิ๊กเข้าไปดู ข่าวปลอมที่เกินจริงแต่น่าดู ข่าวดาราชื่อดัง รวมไปถึงเว็บไซต์ 18+ ต่างๆ อีกด้วย ก็สามารถทำให้คอมพิวเตอร์ของท่านติดไวรัส และมัลแวร์ได้ในทันที แม้ว่าจะไม่ได้โหลดอะไรจากเว็บไซต์นั้นมาเลยก็ตาม และโดยส่วนใหญ่ ไวรัส และมัลแวร์ พวกนี้จะจ้องขโมย รหัสผู้ใช้ และรหัสผ่านของเว็บไซต์สำคัญๆ ที่คุณกำลังเปิดใช้อยู่ เช่น Facebook, Tweeter, G-mail, ฯลฯ ในบราวเซอร์เดียวกัน ดังนั้นการเข้าเว็บไซต์ พวกนี้มีโอกาสได้ของแถมเป็น ไวรัส หรือมัลแวร์สูงมาก
   ตรงนี้ทั้ง Facebook, Tweeter, Line, ฯลฯ เปิดโอกาสให้เจ้าของเว็บไซต์ทั่วไป ได้เผยแพร่เว็บของตนเองผ่าน Social Network มันจะมีลูกเล่นที่โพสเป็นรูป แล้วแทรกลิ้งค์เว็บลงไป กดที่รูป ก็จะวิ่งไปเข้าเว็บไซต์ให้อัตโนมัติเลย ตรงนี้พวกมิจฉาชีพก็เอามาใช้สบายเลย ผู้ใช้งานอย่างเราๆต้องระวังกันเองนะ เพราะ Facebook ไม่รับผิดชอบนาแจ๊ะ
   วิธีสังเกตุว่าเป็นลิ้งค์เว็บ ไหม ให้เอาเมาส์ไปชี้ที่เหนือ รูป/โพส/ปุ่มกด/ข้อความ ห้าม! คลิ๊กนะ แช่ทิ้งไว้เฉยๆ แล้วมองที่มุมล่างซ้าย จะเห็น URL เว็บยาวๆแสดงขึ้นมา ถ้าไม่ใช่เว็บของ Social Network นั้นๆ ก็ห้ามเข้าเด็ดขาดจร้า หรือถ้าใช่ มองถัดมาอีกหน่อยมันจะเป็นชื่อเว็บที่พาไป และเราไม่รู้จัก ก็ห้ามเข้าเด็ดขาดเช่นกันจร้า
   วิธีปฏิบัติ
   2.1 อย่าโลภ อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ อย่าเพิ่งอยากเผือก และอย่าตกใจตื่นตัวเกินเหตุ ตั้งสติก่อน
   2.2 อดใจ อย่าเพิ่งคลิ๊กเข้าไป ในลิ้งค์เว็บ ทั้งที่เป็นข้อความ หรือรูป ให้เข้าไปอ่านใน คอมเม้นท์ก่อน ไล่ดูเยอะๆ จะมีคนที่รู้ทันคอมเม้นท์เตือนไว้
   2.3 กดรายงาน ให้โพสดังกล่าวถูกลบไปจาก Social Network นั้นๆ แต่ไม่ต้องกลัวเดียวมุกใหม่มันก็จะมาเรื่อยๆ ต้องระวังตัวเองอยู่เสมอ
3. บทสนทนา/แชท จากคนรู้จัก เป็นวิธีที่ได้ผลมาก โดย เหล่ามิจฉาชีพจะ ขโมยบัญชีผู้ใช้ของบุคคลที่เรารู้จักมา แล้วทักมาคุยกับเรา ไม่ว่าจะทาง อีเมล์ หรือแชทผ่าน Social Network ทางใดทางหนึ่ง เนื้อหาในนั้น อาจเป็น ขอช่วยให้กดเข้าลิ้งคฺ์, ขอข้อมูลสำคัญ, เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อรับเงิน/ส่วนลด หรือขอยืมเงินดื้อๆเลยก็มี หากเราหลงกล ก็จะถูกขโมยบัญชีที่เราใช้, ข้อมูล หรือเงินไปเลย
   วิธีปฏิบัติ
   3.1 เหมือนเดิมตั้งสติก่อน อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ อย่าเพิ่งอยากเผือก และอย่าตกใจตื่นตัวเกินเหตุ
   3.2 ติดต่อคนรู้จักที่ทักมา ผ่านช่องทางอื่น วิธีที่ดีสุดคือ โทรฯถามเลย ว่าใช่ตัวจริงไหมที่แชทคุยกัน
   3.3 ไม่ต้องตอบกลับ เตือนเพื่อนคนอื่นว่าคนนี้โดนขโมยบัญชีไปเพื่อหวังทำประโยชน์อันมิชอบอื่นๆ และกดรายงาน(ถ้ามี) ว่าบัญชีนี้ถูกขโมย
4. เว็บ 18+ หรือเว็บต้องห้ามอื่นๆ ข้อนี้จะคล้ายๆกับข้อ 2 แต่ต้องแยกออกมาเพราะโดนกันเยอะ ซึ่งเป็นอันที่เข้าใจตรงกัน ว่าความต้องการทางเพศเป็นพื้นฐานของคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะด้วยความอยากรู้อยากเห็น อยากดูอะไรใหม่ๆ ก็ตาม เว็บพวกนี้แม้ว่าจะผิดกฏหมายในบ้านเรา ก็จะมีผู้เข้าชมจำนวนมหาศาล หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย โดยที่เจ้าของเว็บแทบจะไม่ต้องทำอะไร แค่คอยอัพเนื้อหาเพิ่มอย่างเดียวพอ ด้วยความง่ายนั้นเอง พวกผู้ไม่หวังดีจึงเอาวิธีนี้มา แพร่กระจายไวรัส/มัลแวร์ นั่นเอง ยิ่งถ้าเห็นเป็น รูปและลิ้งค์แชร์อยู่ใน Social Network พร้อมแคปชั่นยัวๆ "นักศึกษาชมพูขาวสวยสดไม่ถุง" อะไรทำนองนี้ ฟันธงเลยว่า 100% มีของแถมให้คนเข้าเว็บแน่นอน
   วิธีปฏิบัติ
   4.1 เช่นเดิมตั้งสติก่อน อย่าเพิ่งหื่น อย่าเพิ่งอยากดู หักห้ามจิตใจตัวเองให้มั่น (หากห้ามใจไม่ไหวจริงๆ ให้ใช้วิธีด้านล่าง สำหรับเข้าเว็บต้องสงสัยโดยเฉพาะ)
   4.2 กดรายงาน เพื่อไม่ให้ผู้อื่นตกเป็นเหยื่อ
5. แอพยอดนิยมต่างๆ โดยส่วนใหญ่ แอพพวกนี้จะมีให้ใช้งานกันในวง Social Network ที่ต้อง log in เข้าใช้งานก่อน ด้วยบัญชี Facebook ถึงจะเล่นได้ ที่เห็นกันบ่อยๆ เช่น ทายเนื้อคู่, หน้าเหมือนดาราคนไหน, แต่งรูปแก่ขำๆ, คำถามกวนบอกนิสัย, สามคำให้กับรูปโปรไฟล์, ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นแอพไหน แอพพวกนี้จะมีการร้องขอเอาข้อมูลส่วนตัวของเรา เช่น อีเมล์, เบอร์โทร, วันเกิด, ที่อยู่, ฯลฯ ตามที่เราใส่ลงไปในรายละเอียดโปรไฟล์ของเรา ข้อมูลพวกนี้สามารถนำไปใช้ในทางที่มิชอบบางอย่างได้ เช่น โทรไปธนาคาร ขอเปลี่ยน รายละเอียด พนักงานที่ส่วนใหญ่จะถาม วันเดือนปีเกิดเรา เป็นหลัก เจอแบบนี้หวานหมูเลย (ทางธนาคารเองก็พยายามหาวิธียืนยันตัวตนแบบอื่นอยู่) แอพพวกนี้ระดับอันตรายจะไม่มาก ถ้าอยู่ในขอบเขตเดิม แต่ถ้ามีลิ้งค์ให้กดไปเข้าเว็บอื่นเมื่อไหร อันนี้หายนะมาเยื่อนแน่นอน
   จะมีแอพในลักษณะนี้อีกแบบ ที่มีการร้องขอการเข้าถึง เพื่อเข้าใช้งานในเว็บไซต์ จะเหมือนกับการลงทะเบียนเข้าใช้งานกับเว็บไซต์นั่นเอง ซึ่งพวกมิจฉาชีพก็ใช้ประโยชน์จากช่องทางนี้ เพื่อเข้าถีงบัญชี Facebook ได้เลย ที่โดน hack เฟสกัน ส่วนหนึ่งก็มาจากวิธีนี้ หรือที่เรียกว่าขโมย Token ก็วิธีนี้แหละ
   วิธีปฏิบัติ
   5.1 ตั้งสติก่อน เห็นเพื่อนเล่นกันก็อย่าเพิ่งเล่นตาม ไม่ต้องกลัว out หักห้ามจิตใจตัวเองไว้ก่อน ท่องไว้ว่า กันไว้ดีกว่าแก้ อย่าเพิ่งไว้ใจอะไรง่ายๆ ว่าเราคงไม่โชคร้ายแบบนั้น
   5.2 หากพลาดเล่น หรือสมัครไปแล้ว โดยใช้บัญชี Facebook ให้เข้าไปดูใน ตั้งค่า(Settings) >> แอพ และเว็บไซต์(Apps and Websites) รายชื่อแอพที่ขอเข้าถึงบัญชี แสดงให้เห็น
   แอพไหน ไม่ได้ใช้งาน ไม่คุ้น ไม่รู้จัก กดดูและจัดการ แล้วลบทิ้งไปได้เลย มันจะถามว่าลบกิจกรรมหรือโพสที่สร้างผ่านแอพนี้ด้วยไหม กดด้วย ลบให้เกลี้ยง เมื่อลบแล้ว ให้รีสตาร์ทเครื่องใหม่ แล้วเข้าดูแบบเดิมอีกรอบ จำนวนแอพต้องเท่าเดิมกับที่ลบไป หากดูแล้ว แอพที่ลบไปโผล่กลับมาใหม่เหมือนเดิม อันนี้งานเข้าละ โดนไวรัสไปแล้ว สามารถดูได้จากบทความนี้ >>คลิ๊ก<< 
   
   

โฆษณาใน Facebook แล้วพาไปเว็บไซต์ที่มีมัลแวร์เตรียมไว้ กดเมื่อไหรโดนแฮกบัญชี เฟสบุ๊ค แน่นอน บางอันก็ร้ายกว่านั้นคือ ให้เรา Download โหลดโปรแกรมมาติดตั้งลงบนเครื่องเรา อย่างหลังนี่เลวร้ายมาก เพราะเมื่อติดตั้งไปแล้ว แม้ว่าโปรแกรมอาจทำงานได้จริง แต่สิ่งที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เช่น สร้างประตูหลังให้แฮกเกอร์ เข้าเครื่องเราได้ง่ายๆ, ขโมยข้อมูลสำคัญ หรือกระทั่งอาจ Lock เครื่อง PC เราแล้วเรียกเงินค่าไถ่ ไม่จ่ายงานในเครื่องก็เข้าไม่ได้ เป็นต้น




จากรูป ก็จะเห็นว่าเป็น โฆษณาเกี่ยวกับ เกมชื่อดัง มาริโอ้ พร้อมปุ่มให้กดโหลด แต่พอเข้าไปดูในเพจ ทั้งสองเพจ ปรากฏว่า




ทั้ง 2 เพจ เนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเกมมาริโอ้เลยแม้แต่น้อย อันหนึ่งเป็นก่อสร้าง อีกอันเป็น การตลาด แสดงว่าจงใจใช้ชื่อ เพื่อจะนำไปสร้างโฆษณา แพร่กระจาย ไวรัสและมัลแวร์ ล้าน% บัญชีเฟสท่านใดที่มีการลงโฆษณาไว้ ก็จะถูกนำเอาบัตรเครดิตไป ยิง Ads แบบรัวๆ หมดเงินแสนภายในไม่กี่วัน อันตรายมากกกกกๆๆๆ อีกทั้ง ณ ปัจุบันนี้ เฟสบุ๊คก็ยังไม่มีมาตราการรับมือ ที่ดีพอจนใน Facebook กลายเป็นแห่งแพร่กระจาย ไวรัส และมัลแวร์ ไปแล้ว

• [message]
• ##info-circle## ข้อควรระวัง
• ไม่ว่าจะเป็นการแพร่กระจายไวรัส/มัลแวร์ด้วยวิธีไหนก็ตาม สิ่งที่ควรมีคือ ตั้งข้อสงสัยไว้ โลกยุคนี้ไม่มีอะไรได้มาแบบฟรีๆ และควรมีสติให้มาก อย่ามือไว มีสองอย่างนี้ติดตัวไว้ท่องเน็ต ก็ปลอดภัยเกิน 50 % เข้าไปแล้ว และในอนาคตจะมีวิธีใหม่ๆเกิดขึ้นมาแน่นอน และไม่ว่าจะมาไม้ไหน หากเข้าใจพฤติกรรมแล้ว ก็จะเดาจุดประสงค์ได้ไม่อยาก

ถ้าอยากเข้าไปอ่าน อยากเผือก ในเว็บที่ไม่รู้จัก ต้องทำยังไง

1. ติดตั้งโปรแกรม แสกน ไวรัส และ มัลแวร์
   1.1 โปรแกรมแสกนไวรัส โดยปกติควรติดตั้งไว้ 1 ยี่ห้อพอ ถ้ามากกว่านี้มันจะไปตีกันเอง จากโปรแกรมที่มันทำงานอยู่เบื้องหลัง ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ แนะนำให้ใช้ยี่ห้อดังๆ เพราะไว้ใจได้มากกว่า (เหมือนกรณีโปรแกรมของไป่ตู่ แรกๆก็ดี แต่ท้ายสุดตัวเองกลายเป็นมัลแวร์ซะเอง)
   1.2 โปรแกรมแสกนมัลแวร์ อันนี้สามารถติดตั้งกี่ตัว กี่ยี่ห้อพร้อมกันได้ แต่ถ้าหากใช้แบบเสียเงินที่มีโหมด Real Time Protection ก็ใช้ตัวนี้ตัวเดียวพอ แนะนำ Malwarebytes กับ Adwcleaner (เดิมที่เป็นของคนละเจ้า แล้ว Malwarebyte มาซื้อไป)
2. ติดตั้งโปรแกรม web browser 2 ตัว ไว้แยกใช้งาน ป้องกันขโมยข้อมูลจากหน่วยความจำโดยตรงซึ่งพวก มัลแวร์สามารถทำได้ และควรใช้ web browser แยกกันไปเลย เช่น Chrome เอาไว้ทำงาน, โอนเงิน, เล่น Social Network แล้วก็ใช้ FireFox เอาไว้ท่องเน็ต หาข้อมูลต่างๆ เป็นต้น เพื่อแยกข้อมูลสำคัญออกไปอย่างชัดเจน
3. ติดตั้งส่วนเสริมเพิ่มเติมเพิ่มความปลอดภัย โปรแกรมท่องเว็บ (web browser) ตัวไหนที่เอาไว้ท่องเน็ตไปเรื่อย ให้ติดตั้ง ส่วนเสริม/ส่วนขยาย (Add-on หรือ Extensions) ดังนี้
   3.1 ของ Firefox = uBlock Origin, No Coin - Block Miner on the web
   3.2 ของ Chrome = uBlock Origin, No Coin - Block Miner on the web
   จะให้ล้ำหน่อยก็ใช้ Greasemonkey ด้วยเลย ตรงนี้ว่างๆค่อยมาอธิบายวิธีใช้ให้ในภายหลัง ส่วนเสริมพวกนี้จำเป็นมาก หากมีตัวที่ท่านใช้อยู่แล้วก็ใช้ตามที่ถนัดได้เลย แล้วเปิดโหมดบล๊อค Pop-up ด้วย ตัวดีเลยอันนี้
4. เช็คให้ชัวร์ก่อนคลิ๊ก เมื่อต้องการจะเข้าเว็บไซต์ใดที่ท่านไม่รู้จัก และไม่เคยเห็นมาก่อน ให้ท่าน เปิดเว็บไซต์เช็คความปลอดภัย นี้ขึ้นมา "https://www.virustotal.com/" เลือก  URL แล้วกรอกเว็บไซต์ที่ท่านต้องการเช็ค แล้วเว็บไซต์นี้จะทำการตรวจสอบเบื้องต้นให้ ว่ามี ไวรัส หรือ มัลแวร์แอบแฝงอยู่หรือไม่ ถ้าผลแจ้งว่าเว็บไซต์ดังกล่าวมี ไวรัส หรือ มัลแวร์ อยู่ ก็แสดงว่าเว็บไซต์นั้นอันตราย และอย่าฝืนเข้าเว็บไซต์นั้นโดยเด็ดขาด
   
   
   
   
5. โหมดส่วนตัว ปกป้องข้อมูล การเข้าเว็บไซต์ที่ไม่รู้จัก/ต้องสงสัย แม้ว่าผลการตรวจสอบจากข้อ 1 จะผ่านก็ตาม ให้เข้าเว็บไซต์ต้องสงสัยผ่านโหมดปกปิดตัวตน โดยเปิดโหมดดังกล่าว ขึ้นมาใหม่เท่านั้น (เปิดหน้าต่างอันใหม่) ห้ามเผลอเปิดรวมกับเว็บไซต์สำคัญในข้อ 1 โดยเด็ดขาด สมมุติใช้ FireFox ไว้ท่องเน็ต ก็เปิดโหมดปกปิดตัวตน หน้าต่างใหม่ขึ้นมา แล้วก็เข้าเว็บต้องสงสัยดังกล่าว ควรเปิดเข้าเพียงแค่เว็บไซต์เดียว เมื่อดูเสร็จ ก็ให้ปิดหน้าต่างนั้นไปเลย
   โดยใน FireFox จะเรียกว่า Private Mode ใน Chrome จะเรียกว่า incognito mode ตามแต่บราวเซอร์นั้นๆจะเรียก ข้อดีของโหมดนี้คือ เว็ปพวกนี้จะไม่มีการบันทึกข้อมูลใดๆเลย ทันทีที่ปิดโปรแกรมข้อมูลการท่องอินเตอร์เน็ตของเราจะหายหมดไปในทันที
   
   

   

   ซ้ายของ Firefox / ขวาของ Chrome

   
   เว็บไซต์สำคัญๆ อย่างพวก Facebook, Tweeter, G-mail, ฯลฯ หรือเว็บไซต์ทางการเงินต่างๆ แนะนำให้ท่านเข้าเว็บไซต์ดังกล่าวนี้ด้วยโหมด ปกปิดตัวตน ด้วยเช่นกัน เพื่อข้อมูลสำคัญจะไม่หลงเหลืออยู่ กรณีที่มัลแวร์หลุดรอดมาได้ ก็จะได้ไม่มีข้อมูลอะไรให้เก็บไป
6. เวลาท่องเว็บต้องสงสัย เวลากดลิ้งค์ต่างๆ ในเว็บแนะนำให้กดด้วย "เมาส์ปุ่มกลาง" ตรงล้อ Scroll เลื่อนขึ้นลงนั่นแหละ กดลงไปได้เลย จะเป็นการเปิด Tab ใหม่ขึ้นมา จะดูยุ่งยากหน่อย ตรงนี้เพราะบางเว็บต้องสงสัยจะมีการเขียน Code บังหน้าจอ หรือปุ่มไว้ ที่เจอบ่อยก็ใส่ code เปิดเว็บโฆษณาไว้ นายเรย์สังเกตุหลายครั้ง เวลาใช้วิธีนี้ส่วนมากแล้ว code ดังกล่าวจะไม่ทำงานนั่นเอง
7. หากเผลอเข้าเว็บไซต์แปลกๆ พร้อมกันกับเว็บไซต์สำคัญในข้อ 3 เพื่อความปลอดภัย ให้รีบปิดโปรแกรมบราวเซอร์นั้น รีสตาร์ทเครื่อง เปิดโปรแกรมตรวจเช็คหา ไวรัส และมัลแวร์ ทำการแสกนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ จนเมื่อปลอดภัยดีแล้ว ก็ login เข้าบัญชี เพื่อเข้าไปเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ในทันที ห้ามใช้รหัสเดิม
8. เปิดโหมด login 2 ขั้นตอน ในบางเว็บไซต์จะมีฟังก์ชั่นนี้อยู่ โดยส่วนใหญ่ขั้นที่ 2 จะเป็นการส่งรหัสผ่าน เข้ามือถือเราโดยตรง ตรงนี้ช่วยได้มาก หากเป็นเจ้าใหญ่ๆ จะมีการยืนยันผ่าน แอพ ของ Google Authenticator ด้วย โดยแอพนี้จะสุ่มรหัสใหม่ขึ้นมาทุกๆ 1 นาที กรอกให้ทัน ซึ่งใช้ดีมาก กรณีที่ sms ไม่เข้ามือถือเราสักที ก็ได้แอพนี้ช่วยชีวิตไว้
9. หมั่นรีเซ็ต/รีสตาร์ท เครื่องคอมพิวเตอร์ สักอาทิตย์ละครั้ง พร้อมกับใช้โปรแกรมแสกนไวรัส/มัลแวร์ เพื่อค้นหาสิ่งแปลกปลอมในเครื่อง เมื่อแสกนเสร็จ ให้รีเซ็ต/รีสตาร์ท เครื่องคอมพิวเตอร์อีกครั้ง เพื่อเคลียร์หน่วยความจำ จึงเริ่มใช้งานจริง และเปิดโปรแกรมไวรัส/มัลแวร์ทั้งไว้ เพื่อป้องกันกรณี ไวรัส/มัลแวร์บางตัวสามารถเล่นซ่อนแอบได้
10. ความผิดปกติเล็กน้อย เป็นจุดสังเกตุ ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง เช่น เครื่องคอมร้อน CPU ทำงาน หนักตลอด ทั้งๆที่เพิ่งเปิดคอมฯขึ้นมาใช้ หรือในขณะที่เรายังไม่ได้ทำงาน/เล่นเกม อะไรหนักๆเลย อาจเป็นกรณีที่ไวรัส/มัลแวร์ ทำงานอยู่เบื้องหลัง ก็ได้ (ที่เห็นชัดคือ มัลแวร์เรียกค่าไถ่ ก่อนที่คอมฯเราจะโดนล๊อค จะมีการใช้งาน CPU หนักมาก เพื่อเข้ารหัสทุกไฟล์ ในคอมพิวเตอร์เรานั่นเอง)

จากข้างต้นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิธีการแพร่ไวรัส/มัลแวร์ ที่เจอกันบ่อยเท่านั้น ไม่ว่าผู้ไม่หวังดีจะใช้วิธีไหนก็ตาม ขอให้เราผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต จงตั้งสติไว้อยู่ เสมอ เจออะไรแปลกๆ ผิดสังเกตุแม้เพียงเล็กน้อยให้สงสัยไว้ก่อน กันไว้ดีกว่าแก้ ดีที่สุด เพราะในบางครั้งอาจแก้ได้ และในบางครั้งก็อาจจะแก้ไม่ได้ จนสูญเสียข้อมูลสำคัญ หรือเงินไป ที่ไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้ เอาจริงๆพวกไวรัสนี่ไม่ได้ติดกันโดยง่าย เพราะต้องมีการติดตั้งในคอมฯเราไม่ต่างกับโปรแกรมทั่วไปนั่นเอง ส่วนมัลแวร์จะแพร่กระจ่ายได้ง่าย และหลากหลายวิธีกว่าส่วนใหญ่จะแฝงตัวมากับเว็บแปลกๆ หรือแอบติดไว้ในหน้าเว็บแบบโปร่งใสให้เราไปกดโดนเองเช่นพวกเว็บดูคลิปต่างๆ และพวกไม่หวังดี มักจะใช้ไวรัส/มัลแวร์เป็นตัวเบิกทางก่อนที่จะเข้ามาติดตั้งไวรัสลงในคอมฯเรา

นอกจากนั้น สิ่งที่จะช่วยป้องกันคุณจาก ไวรัส/มัลแวร์ ได้ดีที่สุดคือ การไม่ใช้โปรแกรมเถื่อน โปรแกรมฟรีต่างๆ เพราะเป็นแหล่งรวม ไวรัส/มัลแวร์ ต่างๆ โชคดีหน่อยก็ได้ Back Door แถมมาด้วย ให้ Hacker เข้าเครื่องคอมคุณได้ตลอดไม่ว่าคุณจะป้องกันแน่นหนาแค่ไหน โดยเฉพาะโปรแกรมเสียเงินแต่สามารถใช้ฟรีได้ในปัจจุบัน ก็ต้องระวังเพราะมีมัลแวร์แถมมาให้ด้วย ดังนั้นก่อนติดตั้งโปรแกรมอะไรก็ควรอ่านให้ดี หาข้อมูลจากในกูเกิ้ลก่อน เผื่อมีโปรแกรมใกล้ที่ใช้งานแทนกันได้ ขณะติดตั้งก็อย่ากด Next (ถัดไปอย่างเดียว) อ่านรายละเอียดด้วย (โปรแกรมเสริม. โปรแกรมพ่วง. ฯลฯ ถ้ามีเอาเช็คถูกออกเลย)

เปรียบดังคำกล่าวที่ว่า รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง เพียงเท่านี้การท่องเว็บไซต์ต่างๆ ของคุณก็จะปลอดภัยขึ้นมาก ยิ่งคุณทำได้จนชินเท่าไหรก็จะยิ่งส่งผลดีมากขึ้นเท่านั้น ไวรัส/มัลแวร์  ก็จะยิ่งห่างไกลออกจากคุณแน่นอน นายเรย์ ฟันธง!!